ทาทาสตีล ชูนวัตกรรม ส่งเหล็กเส้นต้านแรงสั่นสะเทือน


ทาทาสตีล ประเทศไทย ชูนวัตกรรมเหล็กเส้นเพื่องานก่อสร้าง ส่งเหล็กเส้นต้านแรงสั่นสะเทือนเจาะตลาด พร้อมเน้นคุณภาพสินค้า บริการ และนวัตกรรม หวังช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการก่อสร้างทำงานมีประสิทธิภาพ มั่นใจส่วนแบ่งการตลาดปีนี้ตามเป้า 24-26%

นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ส่วนการตลาด และการขาย บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กเส้นก่อสร้างภายใต้แบรนด์ “ทาทา ทิสคอน” เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทาทา สตีล มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพสินค้า บริการ และนวัตกรรม มีการเพิ่มการวิจัยสินค้าเหล็กเส้นให้เป็นสินค้าที่ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการก่อสร้าง ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ลดต้นทุน และเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากขึ้น 
 
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการบริหารจัดการทางด้านการผลิตและจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศไทย โดยเฉพาะนวัตกรรมของสินค้าเหล็ก ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยของโครงสร้างขนาดใหญ่ ที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่มีความถี่และรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะแผ่นดินไหว เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที จะเห็นได้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ อาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

ในปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนในการทำการตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าเหล็กเส้นตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะนี้บริษัทได้จัดสรรงบประมาณในการทำตลาดส่วนของเหล็กเส้นไว้ที่ประมาณ 25% ของงบประมาณการตลาดปี 2556

นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันเหล็กเส้นต้านแรงสั่นสะเทือนถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งใน อเมริกา อังกฤษ ยุโรป นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และ เอเชีย เช่นจีน ญี่ปุ่น อินเดีย  เราเชื่อว่าเทรนด์ในการเลือกใช้เหล็กเส้นต้านแรงสั่นสะเทือนจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในสังคมไทย 

นอกจากนี้ ในอนาคตหากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 นานาชาติที่จะเข้ามาลุงทุนดำเนินธุรกิจก่อสร้างหรือการตั้งโรงงานในประเทศไทย ต้องให้ความสำคัญในมาตรฐานด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่จะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว 

“วันนี้ เรามองถึงโอกาสในทางเศรษฐกิจ แต่เราต้องมองถึงการเตรียมตัว การใส่ใจในรายละเอียด ให้ความสำคัญในเรื่องมาตรฐาน ดังนั้น วันนี้ ทาทาสตีล เป็นผู้นำตลาด ในการมองถึงมาตรฐานการยอมรับในตลาดสากลเป็นสำคัญ และเราเชื่อมั่นว่าหากมีการเปิดตลาด AEC ขึ้น การเลือกใช้เหล็กมาตรฐาน คุณภาพสูงจะเป็นจุดสำคัญ ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศอย่างแน่นอน” ผู้ช่วยกรรมการ กล่าวต่อไปว่า 

สำหรับภาพรวมของตลาดเหล็กเส้นในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทยนั้น มีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยมีบริษัทจากต่างประเทศให้ความสนใจ เข้ามาลุงทุนเพิ่มเนื่องจากนโยบายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐบาล เช่น งานก่อสร้างรถฟ้า รถไฟใต้ดิน ทางด่วนมอเตอร์เวย์ในแต่ละภูมิภาค โครงการบริหารจัดการน้ำต่างๆ ซึ่งจะมีการใช้เหล็กเส้นเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก

รวมทั้ง ภาคเอกชน อสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่มีการขยายตัวทางธุรกิจ ทั้งในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัด ก่อให้เกิดการก่อสร้าง ช้อปปิ้งมอลล์  อาคารที่พัก คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร ต่างๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันเราเน้นให้ความรู้ สร้างความเข้าใจให้กับภาคธุรกิจ ตัวแทนจำหน่าย ถึงความสำคัญในโครงสร้างอาคารที่มีรากฐานมั่นคง และแข็งแรง โดยในอนาคตเมื่อทุกภาคส่วนให้ความสนใจ ใส่ใจในความสำคัญของเหล็กเส้น ที่ซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกแกนหลัก และมีอวัยวะอื่นๆ มาประกอบกันเป็นร่างกาย 

ดังนั้น การที่ร่างกายจะแข็งแรง ยืนหยัดได้ จะต้องมีแกนกระดูกต่างๆ ที่แข็งแรง เหมือนกับสิ่งก่อสร้าง หากมีการใช้เหล็กเส้นภายในโครงการสร้างอาคารที่ได้มาตรฐาน ก็จะส่งผลให้สิ่งก่อสร้างมีความทนทาน ส่งผลถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในระยะยาว โดยปีนี้เราตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 24-26% ของตลาดเหล็กเส้นภายในประเทศทั้งหมด และในอนาคตก็จะเติบโตเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างภายในประเทศ http://www.buildernews.in.th/page.php?n=141&a=10&cno=5326